นักกีฬา

 

  นายอาดุล  บุตรศิริ ( นิว ) ปัจจุบัน อายุ  18 ปี

เรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่  4  โรงเรียนลพบุรีปัญญานุกูล  จังหวัดลพบุรี

นักกีฬาฟุตบอล

 

อาดุลมีพี่น้องทั้งหมด  10  คน เป็นคนที่  8  ของครอบครัว ( ชาย 7 ,หญิง 3  ) พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่อาดุลอายุได้  4  ขวบ  พ่อมีอาการป่วยทางจิต แม่มีปัญหาด้านอารมณ์แปรปรวน ซึ่งเป็นผลกระทบจากการใช้ยาเสพติดทั้งคู่  ทำให้ครอบครัวต้องแตกแยกไปคนล่ะทาง น้องคนที่ 9,และ 10 เป็นผู้หญิง ถูกชาวต่างชาติรับไปเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรม พี่น้องที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ก็หางานทำ เลี้ยงตัวเองต่อไป  ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปอยู่คนละที่  ต่างอำเภอ  อาดุลได้อยู่ในความดูแลของสถานสังคมสงเคราะห์ตั้งแต่นั้นมา

นักสังคมสงเคราะห์  รับอาดุลไปอุปการะที่บ้าน โดยที่อาดุลก็เต็มใจและดีใจ  เพราะนักสังคมสงเคราะห์ท่านเป็นคนดี   มีหลานชายที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน  ทำให้รู้สึกว่ามีเพื่อน  คอยพูดคุยได้ ปรึกษาหารือได้  ช่วงปิดเทอมจึงจะได้กลับไปอยู่ที่บ้าน

อาดุลได้เป็นตัวแทนไปแข่งขันกีฬาฟุตบอลสเปเชียลโอลิมปิค ที่ประเทศพม่า เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา (ได้เหรียญทองแดง ) นอกจากเล่นกีฬาฟุตบอลแล้ว ยังชอบเล่นกีฬากรีฑา เทเบิลเทนนิส และบอชชี่ อีกด้วย ในการฝึกซ้อมกีฬาฟุตบอลจะซ้อมกีฬาทุกๆวันที่โรงเรียน  และทุกครั้งที่มีโอกาส

พ่อแม่ทราบข่าวอาดุล จากเจ้าหน้าที่นักสังคมสงเคราะห์ ในการได้เป็นตัวแทนนักกีฬาไปแข่งขันที่ต่างประเทศ  แค่รู้สึกยินดี แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก   อาดุลก็ยังไม่พร้อมที่จะพบกับผู้ปกครองที่แท้จริง และปฎิเสธการพบเจอ  เพราะยังทำใจให้ยอมรับได้ในหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับครอบครัว

นักสังคมสงเคราะห์ที่รับอาดุลไปดูแลก็รู้สึกดีใจมาก  ในการได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันที่ต่างประเทศ  คอยช่วยเหลือด้านเอกสารในการเตรียมตัว ในการเดินทางครั้งนี้อย่างเต็มที่ คุณครูกล่าวว่าอาดุล มีความคิดความอ่านที่ดีขึ้น เริ่มเห็นคุณค่าและความสามารถของตนเอง ซึ่งกีฬาก็มีส่วนอย่างมาก  ในการช่วยขัดเกลาให้เค้ามีระเบียบวินัยในตนเอง และมีความภูมิใจในตัวเองว่าเค้าทำได้

 

 

 

นางสาวชุติภา   แผ่นสุวรรณ์ ( เจ ) ปัจจุบันอายุ 15  ปี 

เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3/1 โรงเรียนเพชรบุรีปัญญานุกูล จังหวัดเพชรบุรี

นักกีฬาเทเบิลเทนนิส

 

ชุติมาเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่หย่าร้าง  อาศัยอยู่กับพ่อและย่า  พ่อมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ชุติมาสนิทกับคุณย่าเพราะเลี้ยงมาตั้งแต่ยังเล็ก คุณย่าเล่าว่า แม่ได้ทิ้งชุติมาตั้งแต่ อายุได้ 11 เดือน เพื่อไปมีครอบครัวใหม่ และไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย   คุณย่ามีอาชีพรับซื้อของเก่าตามบ้านและหมู่บ้านใกล้ๆ โดยใช้รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างไปรับซื้อ

ก่อนที่จะเข้าเรียนที่โรงเรียนเพชรบุรีปัญญานุกูลนั้น ได้เรียนที่โรงเรียนวัดเกาะลอยมาก่อน แต่เนื่องจากว่าเรียนไม่ทันเพื่อนๆในชั้นเรียน คุณย่าจึงได้พามาเรียนที่โรงเรียนเพชรบุรีปัญญานุกูล ซึ่งเป็นโรงเรียนกิน-นอน ปิดเทอมจึงจะได้กลับไปเยี่ยมย่าและพ่อ หรือถ้ามีเวลาตรงกับวันหยุดหลายวันชุติพาจะขออนุญาตทางโรงเรียนเพื่อกลับบ้านไปเยี่ยมย่า และพ่อที่จังหวัดราชบุรี

ชุติมาเริ่มเล่นกีฬาเทเบิลเทนนิส ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยมีคุณครูคอยฝึกซ้อมให้ทุกวันหลังเลิกเรียน คุณครูเล่าว่าชุติมาเป็นเด็กขยัน ตั้งใจฝึกซ้อม  ทำให้ได้เป็นตัวแทนของทางโรงเรียนในการแข่งขันระหว่างโรงเรียนอยู่เสมอ ซึ่งนอกจากเล่นกีฬาเทเบิลเทนนิสแล้ว ยังเล่นกีฬากรีฑา และฟุตบอลอีกด้วย

ย่าและพ่อ ดีใจมากที่ชุติมาได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันกีฬาที่เมืองอาบูดาบี  ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จะได้นั่งเครื่องบิน ได้เดินทางไปถึงต่างประเทศ  ให้ตั้งใจฝึกซ้อมเป็นเด็กดี อย่าดื้อกับคุณครู เพื่อนๆที่โรงเรียนทราบข่าวก็แสดงความยินดี  แต่สิ่งที่ทำให้ชุติมาดีใจมากที่สุดคือ ได้พบกับหน้าแม่เป็นครั้งแรก เพราะตลอดเวลาเกือบ 15 ปี ที่ไร้ข่าวคราวของแม่ จนกระทั่งทางคุณครูที่โรงเรียนได้ประสานกับเพื่อนที่เป็นตำรวจ  ช่วยกันตรวจค้นรายชื่อว่าปัจจุบันแม่ทำอะไรอยู่ที่ไหน เพื่อที่จะต้องให้แม่มาเซ็นเอกสารในการเดินทางไปแข่งขันที่ต่างประเทศ คุณครูเล่าว่า ช่วงแรกๆคุณแม่ไม่ยอมรับว่าเป็นแม่ แต่พอติดต่อไปหลาย ๆ ครั้ง จึงค่อยยอมรับ แต่ยังคงเก็บตัวและไม่ค่อยพูด ปัจจุบันทำงานรับจ้างทั่วไปอยู่ที่จังหวัดชุมพร  ได้ติดต่อถามข่าวคราวกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้บ่อยครั้งนัก

ชุติมารู้สึกดีใจ  ภูมิใจ  และตื่นเต้น มากที่ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนของประเทศไทยไปแข่งขันต่างประเทศ  พร้อมกับบอกว่าจะดูแลรักษาตัวเองให้แข็งแรง และตั้งใจฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ พร้อมกับกล่าวทิ้งท้ายว่าถ้าหนูไม่ได้รับโอกาสที่ดีๆจากทางสมาคมกีฬาสเปเชียลโอลิมปิคแห่งประเทศไทยแล้ว คงไม่มีโอกาสได้เจอแม่  ขอบคุณมากๆ ค่ะ